‘ยีนส์’ 6 ชนิด แบบเข้าใจง่ายๆ

การที่จะเลือกซื้อกางเกงยีนส์คู่ใจสักตัว หลายๆ คนต้องคำนึงถึงอะไรมากมาย และแน่นอนว่าปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการเลือกซื้อกางเกงยีนส์ นั่นก็คือชนิดของ “ผ้ายีนส์” นั่นเอง แล้วจะรู้ได้ไงล่ะ ว่าไอ้เจ้ากางเกงยีนส์เนี่ย มันมีผ้าชนิดไหน แบบไหนบ้าง? วันนี้ #GoodsAndRaw สรุปแบบง่ายๆ มาให้ทุกคนได้รู้จักชนิดของ “ผ้ายีนส์” ทั้ง 6 เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจในการเลือกซื้อ

 

1. ผ้าดิบ (RAW DENIM OR DRY DENIM)
“Raw Denim” หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า “ผ้าดิบ Raw Denim” คือผ้ายีนส์ที่ไม่ได้เคยผ่านน้ำ ผ่านการฟอกใดๆ กล่าวคือ เส้นด้ายผ่านการย้อมคราม (Indigo) แล้วนำมาถักทอเป็นผ้ายีนส์เลย ซึ่งจะทำให้ได้สีกางเกงเป็นสีน้ำเงินเข้มแบบดั้งเดิมสวยงาม

.

ความพิเศษของก็คือ Raw Denim คือ เมื่อใส่ไประยะหนึ่งแล้ว สีที่ย้อมบนตัวผ้าจะค่อยๆ หลุดออกไปเรื่อยๆ ตามกิจกรรมที่เราทำขณะสวมใส่ ทำให้เกิดริ้วรอยหรือเรียกกันว่า “Fade”

.

นักปั้นเฟดจะรู้ดีว่า ยิ่งใส่บ่อย ยิ่งใส่นาน ริ้วรอยก็จะยิ่งชัดขึ้น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้สวมใส่ เพราะฉะนั้นแม้จะเป็นกางเกงยีนส์รุ่นเดียวกัน แบบเดียวกัน แต่สำหรับบางคน Fade ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของกางเกงยีนส์เลยก็ได้

 

2. ผ้าฟอก (WASHED DENIM)

“ยีนส์ผ้าฟอก” เป็นอีกหนึ่งยีนส์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันสูงมาก เนื่องจากสวมใส่สบายเหมาะกับทุกโอกาส พร้อมใส่

.

 “ผ้าฟอก” คือ ผ้ายีนส์ที่ผ่านกระบวนการทำให้ซีด มีรอยขาด หรือปะ (patchwork) ตั้งแต่เราซื้อมามือหนึ่ง ซึ่งกรรมวิธีมีทั้งใช้สารกัดสีบ้าง ปั่นกับหินบ้าง (stone washed) จึงทำให้กางเกงยีนส์ผ้าฟอกสวยแบบพร้อม ใส่ไม่ต้องเสียเวลาปั้น

.

และริ้วรอยต่างๆ ก็เหมือนผ่านการสวมใส่จริง อาจจะไม่เหมือน 100% แต่ก็ยังเป็นการฟอกที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งบางทีเราก็ไม่ได้ไม่สามารถปั้นเฟดได้ให้เหมือนกับผ้าฟอก นั้นคือคำตอบว่าทำไมผ้าฟอกจึงได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน

 

3. ผ้าคอตตอน100% (100% COTTON DENIM )

หากเมื่อย้อนไปในยุคสมัย ปี ‘80-‘90 ในยุคที่ Levi’s ยังครองเมือง ผ้าคอตตอน 100% นั้นถือเป็นกางเกงยีนส์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะถูกสวมใส่โดยดาราที่มีชื่อเสียงมากมาย

.

และถ้าหากให้ลองนึกภาพตาม ก็คงเป็นยุคที่ผู้ชายใส่ยีนส์ Levi’s เอวสูง พร้อมทรงผมแบบ “เอลวิสและหวีคู่ใจ” นั่นแหละคือยุคสมัยของผ้ายีนส์คอตตอน 100 % อย่างแท้จริง ส่วนในปัจจุบันผ้าคอตตอนไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไหร่นัก เพราะด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป หรือว่าอาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศก็ตาม

.

ซึ่งยีนส์คอตตอน 100% อาจจะมาในรูปแบบผ้าดิบหรือผ้าฟอกก็ได้ ข้อเสียของผ้าคอตตอน 100% นั่นก็คือ ด้วยความแข็งของผ้าจะทำให้มีทรงที่ค่อนข้างใหญ่ และจะไม่เข้ารูป แต่คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องความคงทน เพราะกางเกงยีนส์ผ้าคอตตอน 100% จะขาดยากมากๆ เมื่อเทียบกับผ้ายืด

 

4. ผ้ายืด (STRETCH DENIM)ม

ถ้าให้ตอบว่ายีนส์ผ้าแบบไหนที่ใส่สบายที่สุดและถูกใจขาร็อคหรือคนที่ชอบใส่กางเกงยีนส์สกินนี่ คงไม่พ้นกางเกง “ยีนส์ผ้ายืด” ซึ่งยีนส์ผ้ายืดอาจจะมาในรูปแบบ “ผ้าดิบ” หรือ “ผ้าฟอก” ก็ได้ ข้อดีของผ้ายืด คือ ทำให้เราสวมใส่กางเกงได้สบาย ไม่อึดอัด และลดไซส์ได้เยอะขึ้น

.

แม้ว่าหลายๆ แบรนด์จะทำยีนส์ผ้ายืดออกมาขายอย่างมากมาย แต่ว่าผ้ายืดเองก็มีข้อเสียหลักๆเลย คือ ทรงจะเข้ารูป ทรงเล็กกว่าผ้าคอตตอน 100% และเป็นผ้าที่ค่อนข้างขาดง่าย หากผู้สวมใส่ดูแลรักษาไม่ดี หรือว่าไม่ระมัดระวังในการสวมใส่

.

แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้กางเกงยีนส์ผ้ายืด สามารถยืดได้มากยิ่งขึ้นและทนทานมากขึ้นไปอีก นั่นจึงเป็นคำตอบที่ว่า ทำไมยีนส์ผ้ายืดในปัจจุบันจึงได้รับความนิยมอย่างสูง

 

5. ผ้าริม (SELVEDGE DENIM) ผ้าแข็ง

“ผ้าริม” มาจากคำว่า “selvedge” แผลงมาจาก คำว่า “self-edge” ซึ่งริมที่เห็นๆ กันอยู่ คือการเย็บหัวผ้าด้วยด้ายสีต่างๆ ขอบของผ้าโดยสีของริมจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ผลิตยีนส์ อาจจะเป็นสีแดง หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าริมแดง และอาจจะเป็นสีอื่นๆ เช่น ส้ม ขาว น้ำเงินก็ได้

.

คำว่า “Selvedge” (สะกดได้ 2 แบบ selvage หรือ selvedge) จริงๆ แล้วมีที่มาจากคำว่า “self-edge” โดยผ้าริมจะสามารถทอได้ด้วยเครื่องทอผ้าแบบเก่า ที่เรียกว่า “Shuttle loom” ซึ่งให้ขนาดของหน้าผ้าที่แคบกว่าการทอโดยใช้เครื่องทอรุ่นใหม่ และทอได้ช้ากว่า เนื่องจากต้องใช้แรงงานคนในการทอหรือควบคุมการทอ

.

เครื่องทอแบบเก่านั้นถูกใช้เพื่อผลิตผ้าเดนิมสำหรับทำกางเกงยีนส์ในอเมริกา แต่เมื่ออุตสาหกรรมยีนส์ได้เติบโตขึ้น มีความต้องการของผู้บริโภคที่สูงมากขึ้น จึงได้มีการเปลี่ยนจากการใช้เครื่องทอผ้าแบบดั้งเดิม (Shutter Looms) ไปใช้ เครื่องจักรที่ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองการผลิตแบบ mass ทำให้สามารถทอผ้าได้เร็วกว่า รวมถึงหน้าผ้าก็กว้างกว่ามาก 

.

ซึ่งผ้าริมนั้น จะสังเกตได้ง่ายๆที่ตะเข็บด้านนอกของกางเกงยีนส์ และมักจะมีคำว่า selvage ต่อท้ายชื่อของกางเกงรุ่นนั้นๆ เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกซื้อ

 

6. ผ้าไม่ริม (NON-SELVEDGE DENIM)

“ผ้าไม่ริม” (non-selvage) เป็นผ้ายีนส์ที่ทอได้จากเครื่องทอแบบใหม่ หรือ เครื่องจักรในอุตสาหรกรรมแบบใหม่ ที่เน้นปริมาณ ความรวดเร็ว และเพื่อลดต้นทุนในการผลิต

.

ผ้าที่ได้จากเครื่องทอแบบใหม่ จะหน้ากว้างกว่าแต่ไม่มีขอบ จะรุ่ย จึงต้องเย็บเก็บขอบ เหมือนที่เห็นในผ้าทั่วไป ซึ่งจะมีความพิถิพิถัน และความงามตาจึงสวยน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผ้าริม

 

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ กด "MORE INFO" เพื่ออ่านเพิ่มเติม หรือกด "ACCEPT" เพื่อยอมรับข้อตกลงในการเก็บข้อมูล